เนื้อหาได้มาจากการไปสัมภาษณ์ผู้ที่มีความรู้ในทางด้านนี้
ข้อแตกต่างระหว่างภาพยนตร์ และ นิยาย ของ The Lord of The Rings และ Hobbit
The Fellowship of the Ring ตอน มหันตภัยแห่งแหวน
ที่จริงแล้วเริ่มตั้งแต่ในบทนำของหนังสือภาคหนึ่ง เล่าถึงการค้นพบแหวนของ บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ โดยได้มาจาก กอลลัมพร้อมทั้งที่มาที่ไปของประวัติของกอลลัม (ในบทแรกๆ) จากเดิมที่ชื่อ สมีโกล ในบทเรื่อง เงาแห่งอดีต แต่ในส่วนนี้กลับปรากฎบนจอภาพยนตร์ในตอนต้นของหนังในภาคที่สามแทน
ในหนังสือฮอบบิททั้งสี่ (โฟรโด แซม ปิ๊บปิ้น และเมอร์รี่) เดินทางไปยังบรี หลังออกจากไชร์เพื่อหลบหนีการตามล่าของภูติดำโดยต้องผจญภัยในป่าดึกดำบรรพ์ และพบชายลึกลับนาม ทอม บอมบาดิล มีเรื่องราวถึงสี่บท (ในบท ทางลัดไปดงเห็ด, ป่าดึกดำบรรพ์, ในบ้านของทอม บอมบาดิล และหมอกบนเขาสุสาน) แต่ทั้งหมดนี้ไม่ปรากฎบนจอเลย
ภาคหนังสือ ในส่วนของบทร้องเพลงต่างๆที่ทั้งฮอบบิท เหล่าพราย และตัวละครอื่นๆ ที่ชอบร้องโดยเนื้อร้องมีการเล่าเรื่องพรรณารายละเอียดเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมต่างๆก็ถูกตัดออก เพราะในหนังใช้ภาพช่วยสื่อความหมายการเล่าเรื่องแทน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเสน่ห์และเทคนิคในแต่ละแบบที่มีข้อจำกัดที่ต่างกัน
ในหนังสือ โฟรโดได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการติดตามของภูตดำขณะกำลังข้ามเข้าเขตริเวลเดลล์ของเหล่าพราย จากเอลรอลด์ พ่อของอาร์เวน และพ่อมดแกนดัลฟ์ ที่เนรมิตคลื่นรูปม้าสีขาวพร้อมนักรบ เข้าช่วย โดยทำให้เกิดกระแสน้ำท่วมพัดเข้าโจมตีภูติดำ แต่ในหนังได้เพิ่มบทบาทให้มีเพียงอาร์เวน (ลิฟ ไทเลอร์) เท่านั้นเข้าช่วยเหลือโฟรโดแทน
ในหนังสือมีพ่อมดน้ำตาลอีกหนึ่งตนชื่อ ราดากัสต์ ที่ได้ส่งนกอินทรีย์ ไกว์แฮร์ มาช่วยพ่อมดแกรนดัล์ฟให้หนีรอดมาจากหอคอยออร์ทังค์ของซารูมาน แต่ในหนังไม่มีตัวละครนี้ กลายเป็นว่า แกรนดัฟล์เป็นผู้เรียก ไกว์แฮร์มาโดยฝากข้อความผ่านแมลงม็อธ
ในหนังกองทัพปีศาจ อุรุกไฮ ของซารูมานเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับออร์ค แต่ในหนังสือ อุรุก คือออร์คสายพันธุ์หนึ่งถือกำเนิดในอาณาจักรมอร์ดอร์มาช้านานแล้ว และหัวหน้าอุรุกชื่อ Lurtz เป็นผู้ปลิดชีวิตโบโรเมียร์ และต่อมาถูกอารากอร์นฆ่าตาย แต่ในหนังสือไม่มีตัวละครตัวนี้ปรากฏอยู่
The Two Tower ตอนหอคอยคู่พิฆาต
ในหนังสือภาคสองนี้ได้แบ่งเนื้อเรื่องออกจากกันเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ เป็นการผจญภัยของโฟรโด, แซม พร้อมกับกอลลัมในเส้นทางที่ใกล้มอร์ดอร์เข้าไปทุกที และการสู้รบในแดนโรฮันของอารากอนและพรรคพวกก่อนมุ่งสู่ไอเซนการ์ดของพ่อมดซารูมาน
ในหนังเหตุการณ์ได้จบลงเร็วกว่าในหนังสือ โดยในสี่บทสุดท้าย (เช่นบทถ้ำของแมงมุมชีล็อบ เป็นต้น) ได้ถูกนำไปไว้ภาคสุดท้ายแทน
เอลรอนด์ กษัตริย์แห่งพราย ,อาร์เวน และกาลาเดรียล ราชินีแห่งพราย ไม่ปรากฏในหนังสือในภาคสอง แต่ในหนังมีอยู่ให้เห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารากอร์นและโฟรโดที่นึกย้อนไปถึงเท่านั้นเอง
มีหลายส่วนที่แต่งใหม่เพิ่มเติมในหนัง มีฉากที่อารากอร์นตกลงแม่น้ำระหว่างช่วยรบให้กองทัพโรฮัน จนเขาได้พบหน่วยรอบโจมตีของกองทัพของซารูมานที่กำลังแอบลอบเข้าถล่มเฮล์มดีพ จึงเข้าช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ในหนัง มีกองทัพพรายเขามาช่วยชาวโรฮันรบในศึกเมืองเฮล์มดีพ แต่ในหนังสือไม่มีเหล่าพรายมาช่วยรบเลยนอกจาก เลโลกัส
ในหนัง ธีโอเดน กษัตริย์แห่งโรฮันถูกมนต์สะดครอบงำจิตใจของซารูมานทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่ในหนังสือกลับเป็นเพียงการพูดจาหว่านล้อมและการใช้ยาพิษของ กริมา เวิร์ทัง สมุนของซารูมานเท่านั้น
The Return to the King ตอนกษัตริย์คืนบัลลังก์
เช่นกันในภาคสามในหนังสือได้แบ่งเป็นสองส่วนหลักของการผจญภัยของอารากอร์น และการเดินทางของโฟรโด แยกออกจากกัน ส่วนในหนังเหตุการณ์เกิดควบคู่สลับกันไปพร้อมๆกัน
ฉบับหนังสือ พรานป่านามอัลบรัด เป็นคนนำของฝากจากหญิงอาร์เวน ได้แก่ธงและดาบของเอเลนดิลที่ตีขึ้นใหม่ มามอบให้อารากอร์น แต่ในหนังกับเป็น เอลรอนด์ ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่พราย นำมามอบให้แทน
ในหนังสือ อารากอร์น ช่วยรักษาผู้บาดเจ็บจากการรบที่มินาสทิริธ (ฟาราเมียร์ ,เอโอวีน และเมอร์รี่) โดยใช้ตำนานที่ว่า หัตถ์แห่งราชาคือหัตถ์แห่งผู้เยียวยา โดยใช้ว่านราชัน ในการรักษา แต่ไม่มีฉากนี้ในหนัง
ในหนังสือที่หน้าประตูดำ กองทัพกอร์ดอนและโรฮันได้มีการเจรจากับฑูตมอร์ดอร์ ที่นำเครื่องแต่งกายของโฟรโดมาแสร้งว่าจับตัวได้แล้ว แต่ในหนังไม่มีฑูตมาเจรจา แต่เป็นอารากอร์นพูดกับดวงตาแห่งเซอรอนโดยตรงและเข้ารบกันเลย
ในหนังได้มีการเพิ่มเรื่องราวความรักขึ้นโดยให้ เอโอวีน เจ้าหญิงแห่งโรฮัน หลงรักในอารากอร์นเกิดรักสามเส้าขึ้น (อารากอร์น อาร์เวน และเอโอวีน) แต่ในหนังสือไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องนี้เลย มีเพียงว่าหลังจบศึกเอโอวีนได้พบรักกับฟาราเมียร์ จนได้ครองรักกัน
ข้อสังเกต The Lord of The Rings และ Hobbit
ผม : ผมสงสัยมานานแล้วครับหนังเรื่อง The lord of the rings ทำไมโฟรโด้ไม่ขี่พญาอินทรีย์ไปทิ้งแหวนที่เมาท์ดูม
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมถูกถามมากในหมู่คอหนัง เรื่อง The lord of the rings ซึ้งเพราะว่าเซารอนได้จำลองเป็นดวงตา ซึ้งเป็นการมองได้อย่างกว้างไกล ทุกๆวินาทีในหนัง ซึ้งถ้าเอานกอินทรีย์ไปบินคงถูกจับได้และถูกยิงตกซึ้งเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้งเกินไป
ผม : ในตอนจบของภาค3ที่โฟรโด้ขึ้นเรือไปกับเอล์ฟ คือมีไปต่อหรือเปล่าครับ หรือจบแค่นั้น
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไม่มีครับ
ผม : แล้วเขาได้ล่องเรือไปที่ไหนครับ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไปวาลินอร์ครับ ดินแดนอมตะ ของเอลฟ์
ผม : แล้วจะมีหนังเกี่ยวกับดินแดนมิดเดิลเอร์ธอีกไหมครับ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คงไม่มีโอกาสได้เห็นเป็นหนังอีก ยกเว้นจะมีนักเจรจาลิ้นทองไปเกลี้ยกล่อมเจ้าของลิขสิทธิ์ซึ้งผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากเลยครับ แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่แต่เปอร์เซ็นน้อยมาก
ผม : จุดเชื่อมระหว่าง The Hobbit และ The Lord of the Rings มีอะไรให้เราเห็นบ้างครับ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ส่วนที่ผมคาดไม่ถึงก็คือโทรลสามตัวที่เราเห็นกันใน The Hobbit ภาคแรก ซึ้งเราได้เห็นมันแล้วกลายเป็นหิน ซึ้งเราได้เห็นใน The lord of the rings ภาคแรก เจ้าโทรล3ตัวเนี้ยมันเป็นตัวเดียวกันนะครับ ส่วนคนแคระบาลิน ที่เป็นที่ปรึกษาของธอริน ใน The Hobbit ซึ้งก็มีอยู่ในภาค1เหมือนกัน
ผม : ที่เป็นโครงกระดูกในมอเรียใช่ไหมครับ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ใช่ครับ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : นอกจากนี้โกลอินใน The Hobbit ซึ้งเป็นพ่อของกิมลีซึ้ง กิมลีเป็น คนแคระคนเดียวที่มีปรากฎใน The Lord of the Rings ภาค1 และมีอาวุธประจำกายของเขาคือขวานซึ้งได้มาจากพ่อของเขา
ผม : และเรื่องสุดท้ายผมอยากทราบที่มาของแหวนในเรื่องทั้งหมด
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ซึ้งแหวนแห่งอำนาจ เป็นแหวน19วง ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มเอลฟ์ซึ้งได้ความรู้มาจากเซารอน และเซารอนก็สร้างแหวนวงที่ 20 เพื่อควบแหวนทั้ง19วง
แหวนของ กษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ทั้ง 9 เป็นแหวนที่ไม่มีพลังอำนาจใดนอกจาก พลังอำนาจอย่างเดียวคือพลังอำนาจครอบงำจิตใจ ซึ้งถูกครอบงำจนกษัติย์ทุกคนกลายเป็นนาซกูลทั้ง9
แหวนของกษัตริย์คนแคระทั้ง 7 มีพลังอำนาจเช่นเดียว แหวนของคนแคระ 4 วง ถูกเซารอนคอบงำ และอีก 3 วงได้ตก ไปอยู่ในท้องมังกร ส่วนแหวนเอล์ฟอีก 3 วงนั้น เซารอนไม่สามารถครอบครองได้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น